การนำเข้าของเพื่อจัดการประชุมระหว่างประเทศ
การนำเข้าเพื่อการจัดประชุมและจัดงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ
กรม ศุลกากรได้ปรับปรุงระเบียบพิธีการนำเข้าและส่งออกเพื่อส่งเสริมและอำนวยความ สะดวกในการจัดประชุมและจัดงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งยกเว้นอากรให้แก่ของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการประชุมและจัดงานแสดง สินค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ผู้ที่ประสงค์จะนำสินค้าเข้ามายังประเทศไทย เป็นการชั่วคราวเพื่อจัดการประชุมหรือจัดงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศต้อง ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กรมศุลกากรกำหนด
หลักเกณฑ์การนำเข้า-ส่งออกสินค้าชั่วคราวเพื่อจัดการประชุมและ จัดงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ
(1) ของที่นำเข้ามาอยู่ในเงื่อนไขที่ต้องส่งกลับออกไปภายในระยะเวลาที่กรม ศุลกากรกำหนด (ปกติไม่เกิน 6 เดือน) ทั้งนี้ ผู้นำเข้าจะต้องทำสัญญาประกันและทัณฑ์บนต่อกรมศุลกากรโดยนำเงินสดหรือ หนังสือค้ำประกันธนาคารมาวางไว้ต่อกรมศุลกากร ในกรณีที่สมควร อาจให้สถานทูตประเทศผู้นำเข้าเป็นผู้ค้ำประกันให้ก็ได้
(2) เมื่อผู้นำเข้าส่งของออกไปแล้วจะต้องนำหลักฐานการส่งออก เช่น สำเนาใบขนสินค้าขาออกที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรรับรอง มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าได้มีการส่งออกไปจริงเพื่อรับหลักประกันคืน
(3) กรณีที่ผู้นำเข้าไม่ส่งสินค้ากลับออกไปตามระยะเวลาที่กรมศุลกากรกำหนด ผู้นำเข้าต้องชำระภาษีอากร โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี
กรณีผู้นำเข้าขอชำระ ค่าภาษีอากรก่อนวันที่สัญญาประกันและทัณฑ์บนที่ทำไว้กับ กรมศุลกากรจะหมดอายุ กรมศุลกากรจะเรียกเก็บภาษีอากรตามสภาพ ราคา และอัตราอากรที่เป็นอยู่ในวันนำเข้า รวมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมาย
กรณีที่ ผู้นำเข้าไม่ส่งสินค้ากลับออกไปจนพ้นอายุสัญญาประกันและทัณฑ์บนที่ทำไว้ กรมศุลกากรจะบังคับสัญญาประกันและทัณฑ์บน
หลักเกณฑ์การยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการประชุม ระหว่างประเทศ
(1) เป็นของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการประชุมระหว่างประเทศ ซึ่งจัดขึ้นโดยหน่วยงานของรัฐบาลไทย หรือของรัฐบาลต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศที่รัฐบาลไทยได้รับรอง หรือโดยหน่วยงานของเอกชนซึ่งการประชุมนั้นเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาทาง เศรษฐกิจทางสังคมหรือทางเทคโนโลยีของประเทศ
(2) เป็นของจำเป็นที่ใช้ในการประชุม ได้แก่ แฟ้มเอกสาร เอกสาร บันทึกข้อมูลแบบพิมพ์ ของที่มีมูลค่าแต่ละชิ้นเพียงเล็กน้อย และจัดทำจนเห็นได้ว่าเพื่อแจกแก่ผู้เข้าร่วมประชุม ของซึ่งเตรียมมาโดยเฉพาะสำหรับใช้หมดสิ้นไปในการประชุม เช่น วัสดุที่ใช้ในการแสดง หรือทดลองประกอบการประชุม และมีปริมาณพอสมควร
(3) ของอื่นๆ นอกเหนือที่ระบุไว้ในข้อ (1) และ (2) ต้องส่งกลับออกไปภายใน 3 เดือนนับแต่วันนำเข้า โดยผู้นำของเข้าต้องทำสัญญาประกันทัณฑ์บนไว้ต่อกรมศุลกากรตามเงื่อนไขที่ กำหนด
(4) ผู้นำของเข้าจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา และกฎหมายว่าด้วยข้อห้ามข้อกำกัดในการนำของเข้ามาในราชอาณาจักร
(5) ผู้นำของเข้ายื่นบัญชีแสดงรายละเอียดและปริมาณดังกล่าวต่อสำนักงานศุลกากร หรือด่านศุลกากรที่นำของเข้าเพื่อพิจารณาอนุญาตตามควรแก่กรณีเป็นรายๆ ไป
หลักเกณฑ์การยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้ามาชั่วคราวเพื่อใช้จัด งานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ
(1) เป็นของที่นำเข้ามาแสดงเป็นการชั่วคราวในงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ ที่จัดขึ้นภายในประเทศโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมเป็น การทั่วไป
(2) ผู้นำเข้าจะต้องทำสัญญาประกันและทัณฑ์บนไว้ต่อกรมศุลกากรว่าจะส่งสินค้ากลับ ออกไปนอกราชอาณาจักรตามเวลาที่กรมศุลกากรกำหนด
(3) กรณีที่เห็นได้ชัดว่า ของที่นำเข้ามาเป็นของใช้สิ้นเปลืองที่สามารถใช้หมดไปได้ในการจัดงานแสดง สินค้า เช่น สิ่งพิมพ์ สิ่งโฆษณา ของแจก หรือของแถม ผู้นำเข้าจะต้องชำระอากรตามปกติ
เอกสารที่ผู้นำเข้าต้องยื่นต่อกรมศุลกากรในการนำเข้าสินค้าเพื่อ จัดประชุมและจัดงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ
(1) ใบขนสินค้าขาเข้า ประกอบด้วยต้นฉบับและสำเนา 1 ฉบับ
(2) ใบตราส่งสินค้า
(3) บัญชีราคาสินค้า
(4) ใบสั่งปล่อย (กศก.100/1)
(5) แบบธุรกิจต่างประเทศ กรณีสินค้านำเข้ามีราคา CIFเกิน 500,000 บาท
(6) บัญชีรายละเอียดบรรจุหีบห่อ
(7) ใบแจ้งยอดเบี้ยประกัน
(8) ใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตสำหรับสินค้าควบคุมการนำเข้า
(9) คำร้องขอยกเว้นอากรและขอทำทัณฑ์บนของผู้นำเข้า โดยใช้หนังสือของบริษัทผู้นำเข้า ซึ่งควรมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ประเภท ของที่นำเข้า
วัตถุประสงค์การนำเข้า
สถานที่และระยะเวลาในการจัด ประชุมหรืองานแสดงสินค้า
จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม (กรณีการประชุมระหว่างประเทศ)
(10) หนังสือรับรองของผู้จัดการประชุมและหนังสือรับรองของเจ้าของสถานที่จัดงาน แสดงสินค้าระหว่างประเทศ ิ
ขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการนำเข้าสินค้าชั่วคราวเพื่อจัดการประชุม และจัดงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ
(1) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนยื่นคำร้อง ใบขนสินค้า พร้อมเอกสารประกอบต่อฝ่ายเอกสิทธิ์และส่งเสริมการลงทุน ส่วนการนำเข้า ณ สำนักงานหรือด่านศุลกากรที่นำเข้า
(2) กรมศุลกากรตรวจสอบข้อมูลในใบขนสินค้าและเอกสารประกอบ หากเอกสารถูกต้องครบถ้วนแล้วจะออกเลขที่ใบขนสินค้า และกำหนดวงเงินค้ำประกันสำหรับการนำเข้านั้น ๆ
(3) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนนำหลักประกัน (เงินสดหรือ ธนาคารค้ำประกัน) ไปชำระที่ฝ่ายบัญชีและอากร
(4) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนนำหลักฐานการวางประกันไปแสดงต่อส่วนตรวจสินค้าเพื่อ ขอรับสินค้าออกจากอารักขาศุลกากร
|