Set Default Page Add to Favorites Send This Page to Friend ReadyPlanet.com
dot dot
dot
กู้เงินด่วน
dot
bulletประวัติกรมศุลกากร
bulletวิสัยทัศน์ - พันธกิจกรมศุลกากร
bulletโครงสร้างการบริหาร
bulletแผนที่ตั้งกรมศุลกากร
bulletโครงสร้างด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่
bulletแผนที่ตั้งด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่
bulletทำเนียบนายด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่
bulletคำรับรองการปฏิบัติราชการ
bulletสมุดโทรศัพท์
dot
บริการ
dot
bullete - Customs
bullete - Tracking
bulletข่าวกรมศุลกากร
bulletจุลสาร
bulletอัตราแลกเปลี่ยน
bulletบุคคลทั่วไป/นักท่องเที่ยว/ส่วนราชการ
dot
แบบฟอร์ม/คำร้องต่าง ๆ
dot
bulletแบบฟอร์มและคำร้อง
dot
พิธีการเฉพาะเรื่อง
dot
bulletการนำขอรับสิ่งของทางไปรษณีย์
bulletพิธีการศุลกากรสำหรับผู้โดยสาร
bulletการขอรับสิ่งของทางคลังสินค้ากรณีของใช้ส่วนตัว ของใช้ในครัวเรือน
dot
สถิติ / ข้อมูลนำเข้า-ส่งออก
dot
bulletมูลค่าการนำเข้า - ส่งออก สูงสุด 10 อันดับ ปี 2552
bulletมูลค่าการนำเข้า - ส่งออก สูงสุด 10 อันดับ ปี 2553
bulletมูลค่าการนำเข้า - ส่งออก สูงสุด 10 อันดับ ปี 2554
bulletมูลค่าการนำเข้า - ส่งออก สูงสุด 10 อันดับ ปี 2555
dot
ข้อมูลที่น่าสนใจ
dot
bulletสายการบินนานาชาติที่เชียงใหม่
bulletสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร
dot
ด่านศุลกากรในสังกัด ศภ.3
dot
bulletสำนักงานศุลกากรภาคที่ 3
bulletด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่
bulletด่านศุลกากรแม่สาย
bulletด่านศุลกากรแม่สอด
bulletด่านศุลกากรเชียงแสน
bulletด่านศุลกากรเชียงของ
bulletด่านศุลกากรแม่ฮ่องสอน
bulletด่านศุลกากรเชียงดาว
bulletด่านศุลกากรแม่สะเรียง
bulletด่านศุลกากรทุ่งช้าง
dot
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
dot
bulletกรมศุลกากร
bulletกระทรวงการคลัง
bulletกระทรวงพาณิชย์
bulletกระทรวงกลาโหม
bulletสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
bulletสำนักสืบสวนและปราบปราม
bulletกรมสอบสวนคดีพิเศษ
bulletกรมส่งเสริมการส่งออก
bulletกรมการค้าต่างประเทศ
bulletการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
bulletสมาคมผู้ประกอบการขนส่งภาคเหนือ
bulletกรมเจรจาการค้าต่างประเทศ
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมสรรพสามิต
bulletสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
bulletธนาคารแห่งประเทศไทย
bulletกรมศิลปากร
bulletกรมปศุสัตว์
bulletกรมประมง
bulletสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
bulletกระทรวงเกษตร
bulletสำนักงานปราบปรามยาเสพติด
dot
จังหวัดในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
dot
bulletจังหวัดเชียงใหม่
bulletจังหวัดลำพูน
bulletจังหวัดลำปาง
bulletจังหวัดแพร่
dot
รวม web ที่น่าสนใจ
dot
bulletเครือข่ายกาญจนาภิเษก
bulletรัฐบาลไทย
bulletท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
bulletสนง. คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.ร)
bulletราชบัณฑิตยสถาน
bulletคนไทยดอทคอม
bulletอินเตอร์เน็ตตำบล




พิธีการนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคล article

 การนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคล

การนำเข้ารถยนต์ส่วน บุคคล ทั้งการนำเข้าชั่วคราว แล้วส่งกลับออกไป และการนำเข้ามาแบบถาวร มีขั้นตอนในการนำเข้า ดังนี้

การนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคลชั่วคราว 
รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือสำราญและกีฬา หรือเรือประมงที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนเป็นการชั่วคราว และจะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรภายใน 1-2 เดือนแต่ทั้งนี้ไม่เกิน 6 เดือน (ตามวัตถุประสงค์ที่นำเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยว) จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้า โดยผู้ที่ประสงค์จะนำยานพาหนะส่วนบุคคลประเภทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือสำราญและกีฬา หรือเรือประมงเข้ามาพร้อมกับตนเองเป็นการชั่วคราวต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ที่กรมศุลกากรกำหนดไว้ให้ครบถ้วน

1. เอกสารที่ควรจัดเตรียมในการนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคลชั่วคราว 
(1) ใบขนสินค้าพิเศษและมีสำเนา 5 ฉบับ 
(2) ทะเบียนยานพาหนะ 
(3) บัตรประจำตัวและหนังสือเดินทางของผู้ควบคุมยานพาหนะ และใบขับขี่นานาชาติ 
(4) หนังสือมอบอำนาจ กรณีผู้ควบคุมยานพาหนะมิใช่เจ้าของ 
(5) คำร้องขอนำรถเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว 
(6) หลักฐานการซื้อขาย เช่น Proforma Invoice, Invoice 
(7) สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล 
(8) สัญญาประกันการส่งกลับ 
(9) เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี)

2. ขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคลชั่วคราว
(1) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนยื่นใบขนสินค้าพร้อมเอกสารประกอบต่อสำนักงานหรือด่าน ศุลกากรที่นำเข้า กรณีมีสิ่งของอื่นหรือผู้โดยสารและสิ่งของติดตัวผู้โดยสารเข้ามาพร้อมกับยาน พาหนะ ผู้นำเข้าหรือตัวแทนต้องแจ้งกรมศุลกากรด้วย 
(2) กรมศุลกากรตรวจสอบข้อมูลในใบขนสินค้าและเอกสารประกอบ หากเอกสารถูกต้อง ครบถ้วนแล้ว จะออกเลขที่ใบขนสินค้า และกำหนดวงเงินค้ำประกันสำหรับการนำเข้านั้น ๆ 
(3) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนนำหลักประกัน (เงินสดหรือ ธนาคารค้ำประกัน) ไปชำระที่ฝ่ายบัญชีและอากร

การประกันและการค้ำประกัน 
• ผู้นำเข้าสามารถวาง ประกันด้วยเงินสด หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร แต่สำหรับ รถจักรยานยนต์ ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศนำเข้าทางสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้ค้ำประกันตนเองได้ 
• ในกรณีที่ผู้นำเข้าไม่สามารถจะวางประกันด้วย เงินสด หรือหนังสือค้ำประกันของ ธนาคารได้จริงๆ อาจขอให้สถานทูตรับรองเพื่อ กรมศุลกากรใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติให้ผู้นำเข้าค้ำประกันตนเองก็ได้ 
• การ กำหนดเงินประกันและเงินค้ำประกัน กรมศุลกากรจะกำหนดโดยถือตามราคาบวกค่าภาษีอากรทุกประเภทของรถที่นำเข้าเป็น ยอดเงินประกัน 
(4) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนนำหลักฐานการวางประกันมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร 
(5) กรมศุลกากรจะตรวจยานพานะและสิ่งของติดตัวผู้โดยสาร เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะมอบสำเนา ใบขนสินค้าพิเศษให้ผู้นำเข้าไว้ 1 ฉบับ เพื่อใช้กำกับยานพาหนะและแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเมื่อนำยานพาหนะออกไปนอก ประเทศไทย

3. ขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการส่งออกยานพาหนะส่วนบุคคล 
(1) ผู้ส่งออกยื่นสำเนาใบขนสินค้าพิเศษที่กรมศุลกากรออกให้ขณะนำเข้าแก่เจ้า หน้าที่ศุลกากร ณ จุดตรวจปล่อยที่สำนักงานหรือด่านที่ทำการส่งออก 
(2) กรมศุลกากรจะตรวจยานพาหนะและสิ่งของติดตัวผู้โดยสาร เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะได้ทำการบันทึกการส่งออกเพื่อตัดบัญชีที่ได้ลงทะเบียน ไว้ในคอมพิวเตอร์และจะถอนประกันทัณฑ์บนที่ผู้นำเข้าทำไว้กับกรมศุลกากรขณะนำ เข้า (กรณีวางค้ำประกันด้วยเงินสดหรือหนังสือธนาคาร)

4. กรณีผู้นำเข้าไม่นำรถกลับออกไปในระยะเวลาที่กำหนด 
(1) หากผู้นำเข้าไม่นำรถกลับออกไปในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันทัณฑ์บน กรม ศุลกากรจะบังคับสัญญาทัณฑ์บนเต็มจำนวนที่กำหนดไว้โดยไม่มีการลดหย่อนทั้ง สิ้น

การบังคับตามสัญญาประกัน 
• เมื่อครบกำหนดตามที่ ระบุไว้ในสัญญาประกัน หรือผู้นำของเข้าได้แสดงความจำนงก่อน ครบกำหนดดังกล่าวว่า ไม่ประสงค์จะนำรถกลับออกไป กรมศุลกากรจะบังคับสัญญาประกันเต็มตามจำนวนที่กำหนดไว้โดยไม่มีการลดหย่อน ใดๆ ทั้งสิ้น 
• ในกรณีที่มีผู้นำรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์เข้ามาในประเทศทางเขตแดนทางบกเป็นการ ชั่วคราวและจะนำกลับออกไป แต่นำกลับออกไปไม่ทันภายในเวลาที่กำหนดตามที่ระบุ ไว้ในสัญญาประกัน โดยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนการปฏิบัติตามสัญญาประกันนั้น ผู้นำเข้าจะต้องชำระค่าปรับวันละ 100 บาท นับจากวันที่ครบกำหนดในสัญญาประกัน แต่ไม่เกิน 1,000 บาท
• ในกรณีที่ผู้ นำเรือเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และจะนำกลับออกไป แต่นำกลับออกไปไม่ทันภายในเวลาที่กำหนดตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน โดยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนการปฏิบัติตามสัญญาประกันนั้น ผู้นำเข้าจะต้องชำระค่าปรับวันละ 500 บาท นับจากวันที่ ครบกำหนดในสัญญาประกัน แต่ไม่เกิน 5,000 บาท

คำว่า “เรือสำราญและกีฬา” หมายถึง เรือที่ใช้สำหรับหาความสำราญ หรือเรือที่ใช้เพื่อการเล่นกีฬาโดยเฉพาะ และไม่ได้ใช้เพื่อการค้า การทหาร หรือการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ เรือสำราญ และกีฬา หรือเรือประมงที่เข้ามาจากต่างประเทศนั้น นายเรือจะต้องมารายงานเรือเข้าเช่นเดียวกับเรือทั้งหลายที่มาจากต่างประเทศ ส่วนเรือสำราญและกีฬา หรือเรือประมงที่เดินทางไปต่างประเทศ จะต้องยื่นใบสำแดงรายงานเรือออก และขอรับใบปล่อยเรือขาออกจากกรมศุลกากรด้วย 
(2) กรณีผู้นำเข้าต้องการขอขยายเวลาการนำรถออกนอกประเทศไทยตามที่ระบุไว้ในสัญญา ประกัน ทัณฑ์บน ก็สามารถขอขยายเวลากับกรมศุลกากรได้อีก แต่ไม่เกิน 6 เดือน เว้นแต่ในกรณีที่จำเป็น เช่น เครื่องยนต์เสีย หรือรถยนต์ถูกชนต้องเสียเวลาในการซ่อม ก็อาจขยายเวลาออกไปให้เกินกว่า 6 เดือนได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 8 เดือน นับแต่วันนำเข้า โดยยื่นขอขยายเวลา ณ ด่านศุลกากร

การนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคลแบบถาวร

รถยนต์นั่งใหม่ทุกประเภท ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนใช้งานในต่างประเทศ สามารถนำเข้าได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ และไม่จำกัดจำนวน ยกเว้นรถที่มีน้ำหนักไม่เกิน 3,500 กก. 
ผู้นำเข้าต้องขอใบอนุญาตนำเข้า จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ( สมอ.) โทร 02 202 3331 
รถ ยนต์นั่งใช้แล้ว ต้องขออนุญาตก่อนการนำเข้าจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โทร 02-547 4804 และถ้ารถมีน้ำหนักไม่เกิน 3,500 กก. ต้องขอใบอนุญาตนำเข้าจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (สมอ.) ด้วย 
คำเตือน  รถยนต์นั่งใช้แล้วจะต้องได้รับใบอนุญาตการนำเข้าจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ก่อนวันเรือเข้า มิฉะนั้นจะถูกปรับร้อยละ 10 ของราคาของ ไม่น้อยกว่า 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 20,000 บาท

1. หลักเกณฑ์การนำเข้ารถยนต์นั่งเก่าใช้แล้วแบบถาวร 
(1) นำเข้ามาใช้ได้เองเพียงคนละ 1 คัน
(2) กรณีเป็นชาวต่างประเทศจะต้องเป็นผู้ที่จะเข้ามาอยู่ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยมีหนังสือ อนุญาตการเข้าเมืองจากกองตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และใบอนุญาตทำงานของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมมาแสดงในการนำเข้าด้วย 
(3) กรณีชาวไทยมีคู่สมรสเป็นชาวต่างประเทศ จะต้องมีหลักฐานแสดงว่าเป็นคู่สมรสและนำรถยนต์เข้ามาเพื่อมีภูมิลำเนาใน ประเทศไทย รวมทั้งผู้นำเข้าต้องถือกรรมสิทธิ์หรือครอบครองรถยนต์คันนั้นระหว่างอยู่ใน ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์จนถึงวันที่เดินทางเข้ามา อยู่ในประเทศไทย 
(4) กรณีเป็นชาวไทย ต้องเป็นชาวไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี 6 เดือน แล้วเดินทางกลับมามีภูมิลำเนาในประเทศไทย และถือกรรมสิทธิ์ครอบครองรถยนต์คันนั้นระหว่างอยู่ในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน และมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์

2. เอกสารที่ควรจัดเตรียมการนำเข้ารถยนต์แบบถาวร 
(1) เอกสารทั่วไป 
• ใบขน สินค้าขาเข้า ประกอบด้วยต้นฉบับและสำเนา 3 ฉบับ 
• ใบตราส่งสินค้า 
• เอกสาร การซื้อขายรถยนต์ (ถ้ามี) 
• ใบสั่งปล่อยสินค้า (กศก.100/1)
• ใบแจ้ง ยอดเบี้ยประกัน 
• เอกสารอื่น ๆ เช่น หนังสือมอบอำนาจ 
(2) เอกสารเพิ่มเติมกรณีเป็นรถยนต์เก่าใช้แล้ว 
• ทะเบียนบ้านและบัตรประจำ ตัวประชาชน 
• หนังสือเดินทาง กรณีย้ายภูมิลำเนา 
• ทะเบียนรถยนต์ที่ จดทะเบียนการใช้งานที่ต่างประเทศมาแล้ว 
• ใบอนุญาตการนำเข้าจากกรมการ ค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

3. ขั้นตอนปฏิบัติพิธีการ 
(1) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนยื่นใบขนสินค้าพร้อมเอกสารประกอบต่อสำนักงาน/ด่าน ศุลกากรที่นำเข้า 
(2) กรมศุลกากรตรวจสอบข้อมูลในใบขนสินค้าและเอกสารประกอบ หากเอกสารถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะออกเลขที่ใบขนสินค้า และประเมินค่าภาษีอากรที่ผู้นำเข้าจะต้องชำระ 
(3) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนไปชำระเงินค่าภาษีอากรที่ฝ่ายบัญชีและอากร 
(4) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนนำหลักฐานการชำระเงินมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ส่วนตรวจ สินค้าเพื่อรับของออกจากอารักขาศุลกากร

4. หลักเกณฑ์การประเมินอากร กรมศุลกากรกำหนดเกณฑ์การประเมินราคาโดยใช้ราคา CIF (ราคา+ค่าประกันภัย+ค่าขนส่ง) เป็นฐานการประเมินอากรขาเข้าโดยมีวิธีการคิด ดังนี้

4.1 ราคา 
4.1.1 ให้ใช้ราคารถยนต์ใหม่ที่ตัวแทนผู้ผลิตรถยนต์นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอก 
ราช อาณาจักรของผู้ผลิตรถยนต์ 
4.1.2 กรณีไม่มีราคาตามข้อ 4.1.1 ให้ใช้ราคาในหนังสือ PARKERs CAR PRICE 
GUIDE และ JAPANESE CAR ลด 25% เป็นราคา F.O.B. 
4.1.3 กรณีมีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ประกอบใหม่ของรถยนต์ 
ผิดไป จากสภาพเดิม ให้ประเมินราคาโดยคำนึงถึงส่วนนั้นๆด้วย 
4.1.4 กรณีที่รถยนต์มีสภาพบุบสลายเนื่องจากเหตุอื่นนอกจากการใช้งานตามปกติ เช่น 
รถ ถูกชน รถคว่ำ ไฟไหม้ เป็นต้น ให้พิจารณาลดราคาลงตามควรแก่กรณี 
4.1.5 รถยนต์เก่าใช้แล้ว จะกำหนดส่วนลดตามระยะเวลาที่จดทะเบียนให้ ดังนี้

อัตราส่วนลดราคารถยนต์นั่งใช้แล้ว
1 จดทะเบียนใช้ แล้ว ไม่เกิน - 2 เดือน แต่ไม่เกิน - - หักส่วนลด 2.5 % 
2 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า - 2 เดือน แต่ไม่เกิน - 4 เดือน หักส่วนลด 5 % 
3 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า - 4 เดือน แต่ไม่เกิน - 6 เดือน หักส่วนลด 7.5 % 
4 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า - 6 เดือน แต่ไม่เกิน - 8 เดือน หักส่วนลด 10 % 
5 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า - 8 เดือน แต่ไม่เกิน - 10 เดือน หักส่วนลด 12.50 % 
6 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า - 10 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี - หักส่วนลด 15.00 % 
7 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 1 ปี - แต่ไม่เกิน 1 ปี 2 เดือน หักส่วนลด 16.67 % 
8 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 1 ปี 2 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี 4 เดือน หักส่วนลด 18.33 % 
9 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 1 ปี 4 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน หักส่วนลด 20.00 % 
10 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 1 ปี 6 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี 8 เดือน หักส่วนลด 21.67 % 
11 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 1 ปี 8 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี 10 เดือน หักส่วนลด 23.33 % 
12 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 1 ปี 10 เดือน แต่ไม่เกิน 2 ปี - หักส่วนลด 25.00 % 
13 จดทะเบียนใช้แล้ว เกิน กว่า 2 ปี - แต่ไม่เกิน 2 ปี 2 เดือน หักส่วนลด 26.67 % 
14 จดทะเบียน ใช้แล้ว เกินกว่า 2 ปี 2 เดือน แต่ไม่เกิน 2 ปี 4 เดือน หักส่วนลด 28.33 % 
15 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 2 ปี 4 เดือน แต่ไม่เกิน 2 ปี 6 เดือน หักส่วนลด 30.00 % 
16 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 2 ปี 6 เดือน แต่ไม่เกิน 2 ปี 8 เดือน หักส่วนลด 31.67 % 
17 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 2 ปี 8 เดือน แต่ไม่เกิน 2 ปี 10 เดือน หักส่วนลด 33.33 % 
18 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 2 ปี 10 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี - หักส่วนลด 35.00 % 
19 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 3 ปี - แต่ไม่เกิน 3 ปี 2 เดือน หักส่วนลด 36.67 % 
20 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 3 ปี 2 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี 4 เดือน หักส่วนลด 38.33 % 
21 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 3 ปี 4 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี 6 เดือน หักส่วนลด 40.00 % 
22 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 3 ปี 6 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี 8 เดือน หักส่วนลด 41.67 % 
23 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 3 ปี 8 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี 10 เดือน หักส่วนลด 43.33 % 
24 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 3 ปี 10 เดือน แต่ไม่เกิน 4 ปี - หักส่วนลด 45.00 % 
25 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 4 ปี - แต่ไม่เกิน 4 ปี 2 เดือน หักส่วนลด 46.67 % 
26 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 4 ปี 2 เดือน แต่ไม่เกิน 4 ปี 4 เดือน หักส่วนลด 48.33 % 
27 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 4 ปี 4 เดือน แต่ไม่เกิน 4 ปี 6 เดือน หักส่วนลด 50.00 % 
28 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 4 ปี 6 เดือน แต่ไม่เกิน 4 ปี 8 เดือน หักส่วนลด 51.67 % 
29 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 4 ปี 8 เดือน แต่ไม่เกิน 4 ปี 10 เดือน หักส่วนลด 53.33 % 
30 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 4 ปี 10 เดือน แต่ไม่เกิน 5 ปี - หักส่วนลด 55.00 % 
31 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 5 ปี - แต่ไม่เกิน 5 ปี 2 เดือน หักส่วนลด 55.83 % 
32 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 5 ปี 2 เดือน แต่ไม่เกิน 5 ปี 4 เดือน หักส่วนลด 56.67 % 
33 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 5 ปี 4 เดือน แต่ไม่เกิน 5 ปี 6 เดือน หักส่วนลด 57.50 % 
34 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 5 ปี 6 เดือน แต่ไม่เกิน 5 ปี 8 เดือน หักส่วนลด 58.33 % 
35 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 5 ปี 8 เดือน แต่ไม่เกิน 5 ปี 10 เดือน หักส่วนลด 59.17 % 
36 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 5 ปี 10 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี - หักส่วนลด 60.00 % 
37 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 6 ปี - แต่ไม่เกิน 6 ปี 2 เดือน หักส่วนลด 60.50 % 
38 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 6 ปี 2 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี 4 เดือน หักส่วนลด 61.00 % 
39 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 6 ปี 4 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี 6 เดือน หักส่วนลด 61.50 % 
40 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 6 ปี 6 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี 8 เดือน หักส่วนลด 62.00 % 
41 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 6 ปี 8 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี 10 เดือน หักส่วนลด 62.50 % 
42 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 6 ปี 10 เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี - หักส่วนลด 63.00 % 
43 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 7 ปี - แต่ไม่เกิน 7 ปี 2 เดือน หักส่วนลด 63.50 % 
44 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 7 ปี 2 เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี 4 เดือน หักส่วนลด 64.00 % 
45 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 7 ปี 4 เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี 6 เดือน หักส่วนลด 64.50 % Discount
46 จดทะเบียน ใช้แล้ว เกินกว่า 7 ปี 6 เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี 8 เดือน หักส่วนลด 65.00 % 
47 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 7 ปี 8 เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี 10 เดือน หักส่วนลด 65.50 % 
48 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 7 ปี 10 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี - หักส่วนลด 66.00 % 
49 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 8 ปี - แต่ไม่เกิน 8 ปี 2 เดือน หักส่วนลด 66.33 % 
50 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 8 ปี 2 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี 4 เดือน หักส่วนลด 66.67 % 
51 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 8 ปี 4 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี 6 เดือน หักส่วนลด 67.00 % 
52 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 8 ปี 6 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี 8 เดือน หักส่วนลด 67.33 % 
53 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 8 ปี 8 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี 10 เดือน หักส่วนลด 67.67 % 
54 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 8 ปี 10 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี - หักส่วนลด 68.00 % 
55 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 9 ปี - แต่ไม่เกิน 9 ปี 2 เดือน หักส่วนลด 68.33 % 
56 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 9 ปี 2 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี 4 เดือน หักส่วนลด 68.67 % 
57 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 9 ปี 4 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี 6 เดือน หักส่วนลด 69.00 % 
58 จดทะเบียนใช้ แล้ว เกินกว่า 9 ปี 6 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี 8 เดือน หักส่วนลด 69.33 % 
59 จด ทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 9 ปี 8 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี 10 เดือน หักส่วนลด 69.67 % 
60 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 9 ปี 10 เดือน แต่ไม่เกิน 10 ปี - หักส่วนลด 70.00 % 
61 จดทะเบียนใช้แล้ว เกินกว่า 10 ปี - - - - ประเมินราคาตามสภาพรถ

4.2 ค่าประกันภัย 
4.2.1 กรณีที่มีการประกันภัยก่อนวันเรือเข้าในราชอาณาจักรให้ใช้ค่าประกันภัยตาม ที่จ่ายจริง 
4.2.2 กรณีที่ไม่มีหลักฐานการประกันภัยตามข้อ 4.2.1ให้ถือเกณฑ์ 1% ของราคาประเมิน FOB

4.3 การกำหนดค่าระวางบรรทุก 
4.3.1 กรณีที่มีค่าระวางบรรทุกล่าสุดที่ตัวแทนของผู้ผลิตรถยนต์นำเข้า ก็ให้ใช้ค่าระวาง 
บรรทุกดังกล่าว 
4.3.2 กรณีที่ไม่มีค่าระวางบรรทุกตามข้อ 4.3.1 ให้ใช้ค่าระวางบรรทุกสูงสุดที่ใช้เป็น 
เกณฑ์ ประเมินก่อนหน้าภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ของรถยนต์ประเภท และชนิดเดียวกัน ถ้าไม่มีค่าระวางบรรทุกดังกล่าว ให้หัวหน้าฝ่ายการนำเข้า หรือ นายด่านศุลกากรพิจารณา ตามความเหมาะสม 
4.3.3 กรณีที่ไม่มีค่าระวางบรรทุกตามข้อ 4.3.1 และข้อ 4.3.2 ให้เปรียบเทียบกับค่าระวาง 
บรรทุก สูงสุดที่ใช้เป็นเกณฑ์ประเมินของรถยนต์ต่างรุ่นกันที่เคยนำเข้ามาก่อนหน้า ภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน โดยพิจารณาถึงน้ำหนักรูปร่าง ลักษณะของตัวรถ และเมืองกำเนิดที่ใกล้เคียง ถ้าไม่มีค่าระวางบรรทุกดังกล่าว ให้หัวหน้าฝ่ายการ นำเข้า หรือนายด่านศุลกากรพิจารณาตามความเหมาะสม 
4.3.4 กรณีที่ค่าระวางบรรทุกตามสำแดงสูงกว่าค่าระวางบรรทุกตามข้อ 4.3.2 และข้อ 
4.3.3 ให้ใช้ ค่าระวางบรรทุกที่สูงกว่าดังกล่าวเป็นเกณฑ์ประเมิน 
4.3.5 กรณีนำเข้ามาทางอากาศยาน ให้ใช้ค่าระวางบรรทุกทางอากาศยานตามที่จ่ายจริง 
ใน กรณีที่ไม่ทราบค่าระวางบรรทุกของอากาศยานให้ใช้ค่าระวางบรรทุกจากบริษัท การบินนั้น 
4.3.6 กรณีไม่สามารถหาค่าระวางบรรทุกตามหลักเกณฑ์ข้างต้น ให้ถือเกณฑ์ 10% ของ 
ราคาประเมิน FOB

 ตารางอัตราภาษีอากร

ชนิดของยานพาหนะ ความจุกระบอกสูบ อัตราอากร (%) อัตราภาษีสรรพสามิต (%) (ตัวคูณ) ภาษีเพื่อมหาดไทย
(%)* ภาษีมูลค่าเพิ่ม
(%) อัตราอากรรวม(%)
ยาน พาหนะส่วนบุคคล รวมถึงรถโดยสารไม่เกิน 10ที่นั่ง ไม่เกิน 2000 ซีซี และไม่เกิน 220 แรงม้า 80 30
(0.4477612) 10 7 187.47

2001 ซีซี แต่ไม่เกิน 2500 ซีซี และไม่เกิน 220 แรงม้า 80 35
(0.5691057) 10 7 213.171

2501 ซีซี แต่ไม่เกิน 3000 ซีซี และไม่เกิน 220 แรงม้า 80 40
(0.7142857) 10 7 243.94

เกิน 3000 ซีซี หรือเกิน 220 แรงม้า  80 50
(1.1111111) 10 7 328

* ภาษีเพื่อมหาดไทยจะคิดเป็น10% ของภาษีสรรพสามิต.

 

ตัวอย่างการคำนวณภาษีอากร
มูลค่า CIF ของยานพาหนะที่นำเข้า และภาษีอากรที่เกี่ยวข้องมีดังต่อไปนี้ 
• หากราคา นำเข้า CIF                 = 100 บาท  
• อากรขาเข้า   = 80 %
• ภาษี สรรพสามิต   = 35 %
• ภาษีเพื่อมหาดไทย   = 10 % of ภาษีสรรพสามิต
• ภาษี มูลค่าเพิ่ม   = 7 %

อากรขาเข้าและภาษีรวมในการนำเข้าสามารถคำนวณได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้

1. อากรขาเข้า = (ราคา CIF * อัตราอากรขาเข้า) 
= (100 * 0.8) 
= 80 บาท

2. ภาษีสรรพสามิต      =  (ราคา CIF + อากรขาเข้า) * {อัตราภาษีสรรพสามิต/1-(1.1 * อัตราภาษีสรรพสามิต)}   
= (100+80) * {0.35/1-(1.1*0.35)}
= 180 * 0.5691057
= 102.439 บาท

3. ภาษีเพื่อมหาดไทย = ภาษีสรรพสามิต * อัตราภาษีเพื่อมหาดไทย
= 102.439  * 0.1
= 10.2439 บาท

4. ฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม = (ราคา CIF + อากรขาเข้า + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีเพื่อมหาดไทย) 
= (100 + 80 + 102.439 + 10.2439) 
= 292.6829 บาท

5.  ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม * อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม
= 292.6829 *0.07
= 20.4878  บาท

ค่าภาษีอากรรวม = 1 + 2 + 3 + 5 = 213.171 บาท


ข้อมูลเพิ่มเติม

ประเภทยานพาหนะ ความจุกระบอกสูบ อากรศุลกากร (%) อัตราภาษีอากรรวม (%)
ยาน พาหนะ (พิกัด 87.03) ไม่เกิน 2000 ซีซี  80 188
2001 ซีซี แต่ไม่เกิน 2500 ซีซี  80 213
2501 ซีซี แต่ไม่เกิน 3000 ซีซี 80 244
มากกว่า 3001 ซีซี   80 328

รถจักรยานยนต์
(พิกัด 87.11)  60 77.04
รถ จักรยานยนต์ไฟฟ้า  60 72
รถจักรยานไฟฟ้า  60 72

หมายเหตุ

1. ภาษีอากรรวมของยานพาหนะและจักรยานยนต์ = อากรศุลกากร + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีเพื่อมหาดไทย + ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
2. ภาษีอากรรวมของจักรยานยนต์ ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า = อากรศุลกากร + ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
3. การ นำเข้ายานพาหนะและรถจักรยานยนต์เก่าหรือใช้แล้วต้องใช้ใบอนุญาตจากกรมการค้า ต่างประเทศก่อนการนำเข้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  02-547-4804. 
4. ค่า ภาษีอากรของยานพาหนะจะไม่ถูกกำหนดจนกระทั่งยานพาหนะนั้นมาถึงท่าที่จะผ่าน พิธีการ และได้ยื่นเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกรมศุลกากรแล้ว




พิธีการศุลกากร

การชำระภาษี article
การชดเชยค่าภาษีอากร article
การสำแดงเงินตราต่างประเทศ article
สินค้าตามประกาศสาธารณสุข article
ของต้องห้ามและของต้องกำกัด article
การวิเคราะห์สินค้า article
ใบสุทธินำกลับ article
พิธีการศุลกากรอื่น ๆ article
พิธีการศุลกากรไปรษณีย์ article
พิธีการ A.T.A CARNET article
พิธีการนำเข้าของเอกสิทธิ์หรือของที่ได้รับบริจาค article
พิธีการนำเข้าของใช้ในบ้านเรือน article
การนำเข้าของเพื่อจัดการประชุมระหว่างประเทศ article
พิธีการส่งออก article
พิธีการนำเข้า article



เงินด่วนนอกระบบ โอนเข้าบัญชี