|
พิธีการศุลกากรสำหรับผู้โดยสาร
พิธีการศุลกากรกรณีเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร |
เพื่อเป็นการบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถขอให้ผู้เดินทางหรือนักท่องเที่ยวหยุดเพื่อตรวจสอบ อันมิได้หมายความว่าผู้เดินทางหรือนักท่องเที่ยวนั้นเป็นผู้ต้องสงสัยว่า กระทำความผิดใดๆ ผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยไม่มีของต้องเสียภาษีต้องห้าม ของต้องกำกัด ให้ผ่านพิธีศุลกากรต่อเจ้าหน้าที่ประจำช่องตรวจสีเขียว ส่วนผู้โดยสารที่มีของเสียภาษีอากรต้องห้าม ของต้องกำกัด หรือไม่แน่ใจว่าของที่นำเข้ามานั้นเป็นของดังกล่าวหรือไม่ให้ผ่านพิธีศุลกากรต่อเจ้าหน้าที่ประจำช่องตรวจสีแดง
|
1. |
ของทุกชนิดที่นำเข้ามาในประเทศต้องเสียภาษีศุลกากรตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ร.ก. พิกัดอัตราศุลกากร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง การเสียภาษีอากรปากระวางสำหรับของติดตัวผู้โดยสารอยู่ภายใต้หลักเกณฐ์และเงื่อนไข ดังนี้ |
|
• |
เป็นของที่นำเข้ามาใช้เอง มีจำนวนเห็นได้ชัดว่ามิใช่เพื่อการค้า |
|
• |
ของมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาท |
|
• |
ผู้โดยสารต้องสามารถชำระค่าภาษีอากรเป็นเงินสดได้ในวันนำเข้า |
กรณี ไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะส่งของทั้งหมด ไปปฏิบัติพิธีการศุลกากรที่ฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ (อาคารคลังสินค้าบริษัทการบินไทย ท่าอากาศยานเชียงใหม่) ของจะอยู่ในอารักขาของศุลกากรจนกระทั่งการปฏิบัติพิธีการศุลกากรเสร็จสิ้น กระบวนการ หลังจากนั้นผู้เดินทางหรือนักท่องเที่ยวจึงสามารถรับของออกจากอารักขาของ ศุลกากร
|
2. |
ของใช้ส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนสำหรับใช้เอง หรือใช้ในวิชาชีพและมีจำนวนพอสมควรแก่ฐานะ (ทั้งนี้ไม่รวมถึง ของต้องห้าม ของต้องกำกัด และเสบียง) มูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท ได้รับยกเว้นอากร |
ของใช้ส่วนตัวสำหรับใช้เอง เช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง เครื่องประดับ รองเท้า นาฬิกา แว่นตา น้ำหอม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีเอกสารใบเสร็จเป็นหลักฐาน หากไม่มีเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะพิจารณาตามหลักฐานอื่นประกอบ แต่ของใช้ส่วนตัวดังต่อไปนี้จะต้องมีปริมาณไม่เกินที่กำหนด
|
|
• |
บุหรีไม่เกิน 200 มวน หรือซิการ์และยาเส้น น้ำหนักไม่เกิน 250 กรัม |
|
• |
สุรา 1 ลิตร |
3. |
ของใช้ในบ้านเรือนที่ใช้แล้วที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนและเนื่องจากการย้ายภูมิลำเนาและมีจำนวนพอสมควรกับฐานะได้รับยกเว้นอากรของใช้ในบ้านเรือน เช่น โทรทัศน์ วิทยุ วิดีทัศน์ เครื่องโทรสาร เป็นต้น
|
|
ของใช้ดังกล่าวแม้จะได้รับการยกเว้นอากรแต่จะต้องผ่านพิธีการศุลกากรต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำช่องตรวจสีแดง |
การลงโทษผู้กระทำผิดกฏหมายศุลกากรและกฏหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
|
ผู้โดยสารที่นำของต้องชำระค่าภาษีอากร ของต้องห้าม ของต้องกำกัดเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่สำแดงหรือสำแดงไม่ถูกต้องจะได้รับโทษตามกฎหมายศุลกากรดังนี้
|
1. |
กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจพบและจับกุมผู้ต้องหาขณะอยู่ในช่องเขียว (GREEN CHANNEL) หรือผ่านพ้นช่องเขียวออกไปแล้วแต่ยังไม่พ้นห้องตรวจผู้โดยสารของท่าอากาศยาน ให้ยกของกลางเป็นของแผ่นดิน |
2. |
ในกรณีเจ้าหน้าที่ตรวจพบและจับกุมผู้ต้องหาภายหลังผ่านพ้นห้องตรวจ ของผู้โดยสารท่าอากาศยาน ให้ปรับสองเท่าของราคาของรวมค่าอากร กับอีกเท่าของภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย และภาษีอื่นๆ (ถ้ามี) และให้ยกของ |
|
กลางเป็นของแผ่นดิน |
3. |
ในกรณีที่ของกลางเป็นของที่ไม่ต้องชำระอากรศุลกากร ไม่ว่าตรวจพบ ณ ที่ใด ให้ยกของกลางเป็นของแผ่นดิน |
พิธีการศุลกากรกรณีเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
|
1. |
กล้องถ่ายรูป กล้องวีดีทัศน์ คอมพิวเตอร์สำหรับพกพา ผู้โดยสารต้องนำของดังกล่าวแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อบันทึกรายละเอียดและสำเนาเอกสารไว้สำหรับแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรช่องตรวจสีแดงในวันเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย |
2. |
อัญมณีหรือเครื่องประดับให้ปฎิบัติพิธีการศุลกากร ณ ฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ |
3. |
ของที่ขอชดเชยหรือขอคืนเงินอากรตามมาตรา 19ทวิ หรือมีใบสุทธินำกลับให้ปฎิบัติพิธีการส่งออก ณ ฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ |
|
|
|
ของต้องห้ามและของต้องกำกัด
|
1. |
ของต้องห้าม หมายถึงของที่มีกฎหมายกำหนดห้ามนำเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด และในบางกรณีห้ามการส่งผ่านด้วย ผู้ใดนำสินค้าต้องห้ามเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรจะมีความผิดต้องรับโทษตาม |
|
กฎหมายที่เกี่ยวข้องและเป็นความผิดตามมาตรา 27 และ 27ทวิ ของกฎหมายศุลกากรด้วย ตัวอย่างสินค้าต้องห้ามในการนำเข้า-ส่งออก มีดังนี้ |
|
|
|
1.1 |
วัตถุลามก การนำเข้าและส่งออกวัตถุลามก ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบหนังสือ ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งที่พิมพ์ขึ้น รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย และภาพยนตร์ลามกหรือวัตถุลามกอื่น ๆ
|
|
1.2 |
สินค้าที่มีตราหรือลวดลายเป็นรูปธงชาติ |
|
1.3 |
ยาเสพติดให้โทษ |
|
1.4 |
เงินตรา พันธบัตร ใบสำคัญรับดอกเบี้ยพันธบัตรอันเป็นของปลอมหรือแปลงเหรียญกษาปณ์ที่ทำให้น้ำหนักลดลงโดยทุจริต ดวงตราแผ่นดิน รอยตราแผ่นดินหรือพระปรมาภิไธย ดวงตราหรือรอยตราของทางราชการอันเป็นของปลอม |
|
1.5 |
สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น แถบบันทึกเสียง (เทปเพลง) แผ่นบันทึกเสียง (คอมแพคดิสก์) แถบบันทึกภาพ (วีดีโอเทป) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หนังสือ หรือสินค้าอื่นใดที่ทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น |
|
1.6 |
สินค้าปลอมแปลงหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้า |
|
|
|
2.
|
ของต้องกำกัด หมายถึงสินค้าที่มีกฎหมายกำหนดว่าหากจะมีการนำเข้า-ส่งออก หรือผ่านราชอาณาจักร จะต้องได้รับอนุญาตหรือปฏิบัติให้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายนั้นๆ เช่น ต้องมีใบอนุญาตการนำเข้าและส่งออก ต้องปฏิบัติตาม
|
|
ประกาศอันเกี่ยวกับฉลากหรือใบรับรองการวิเคราะห์ หรือเอกสารกำกับยา เป็นต้น ผู้ใดนำของต้องกำกัดเข้ามา หรือส่งออก หรือส่งผ่านราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาตหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดไว้ให้ครบถ้วน จะมีความผิดตามที่ |
|
กำหนดไว้ในกฎหมายนั้นๆ และเป็นความผิดตามมาตรา 27 และ 27ทวิ ของกฎหมายศุลกากรด้วย ตัวอย่างสินค้าที่มีมาตรการนำเข้า,สินค้าที่มีมาตรการส่งออก,สินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้า สามารถดูได้ที่ กรมการค้าต่างประเทศ จัด ระเบียบเพื่อควบคุมการนำเข้าหรือส่งออก มีดังนี้
|
|
2.1 |
เงินตราไทยและเงินตราต่างประเทศ |
|
2.2 |
พันธุ์ยางและยางธรรมชาติ |
|
2.3 |
ยาสูบ รวมถึงต้นยาสูบและใบยาเส้น |
|
2.4 |
สัตว์และซากสัตว์
|
|
2.5 |
เครื่องวิทยุคมนาคม และส่วนแห่งเครื่องวิทยุคมนาคม |
|
2.6 |
อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน
|
|
2.7 |
วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน |
|
2.8 |
ยา เชื้อโรค และพิษจากสัตว์ |
|
2.9 |
สุรา |
|
2.10 |
สินค้าประเภทอาหารที่มีความหวานเจือปน |
|
2.11 |
เครื่องชั่ง ตวง วัด |
เงินตรา
|
เงินตราไทย นำเข้าได้ไม่จำกัดจำนวน แต่นำออกได้ไม่เกิน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ยกเว้นนำออกไปยังประเทศเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม และจีน (เฉพาะมณฑลยูนนาน) ได้ไม่เกิน 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน) กรณีนำเงินบาทออกเกิน 450,000 บาท ต้องสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามแบบที่กำหนด การนำเงินตราไทยออกนอกประเทศมากกว่าจำนวนที่กำหนดจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผ่านธนาคารที่ได้รับอนุญาตและนำต้นฉบับเอกสาร ธ.ต.5 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรขณะผ่านของตรวจผู้โดยสารขาออก |
เงินตราต่างประเทศ นำเข้าและออกได้โดยไม่จำกัดจำนวน
|
การฝากเก็บของไว้ในอารักขาของศุลกากร
|
ผู้โดยสารเข้ามาในประเทศไทยและมีของต้องอากร ของต้องกำกัด ซึ่งไม่มีความมุ่งหมายจะนำมาใช้ในประเทศไทยจะต้องแจ้งและแสดงตั๋วเดินทางไปยังประเทศที่สาม ณ เวลาที่ฝาก จึงจะสามารถฝากของดังกล่าวไว้ในอารักขาของศุลกากรได้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 เดือน
|
ในวันเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ผู้โดยสารขอรับของดังกล่าวคืนได้ โดยแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินขณะยื่นตั๋วเดินทาง และต้องเสียค่าธรรมเนียมแก่ราชการในอัตราที่กำหนด
|
การใช้เอกสารค้ำประกัน เอ.ที.เอ.คาร์เนท์ |
ผู้โดยสารนำของเข้าประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อเป็นตัวอย่างสินค้า เพื่อแสดงนิทรรศการ เพื่อใช้ในวิชาชีพหรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์ และจะส่งกลับออกไปโดยใช้เอกสารค้ำประกัน เอ.ที.เอ.คาร์เนท์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำ ช่องตรวจสีแดงและผ่านพิธีการศุลกากร ณ ที่ทำการศุลกากรขาเข้า ฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ และในวันเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ผู้โดยสารต้องยื่นเอกสารค้ำประกัน เอ.ที.เอ.คาร์เนท์ พร้อมนำของดังกล่าวแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรขาออกเพื่อตรวจสอบ มิเช่นนั้นจะถือว่าของนั้นมิได้มีการส่งกลับออกไป และจะถูกเรียกเก็บภาษีอากรภายหลัง สำหรับผู้นำของออกนอกราชอาณาจักรชั่วคราว และจะนำกลับเข้ามาในราชอาณาจักรในภายหลังโดยใช้หนังสือค้ำประกัน เอ.ที.เอ.คาร์เนท์ จะต้องปฎิบัติพิธีการศุลกากรในทำนองเดียวกับการนำเข้า
|
การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยว
|
นักท่องเที่ยวที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มต้อง |
1. |
ไม่เป็นผู้ที่มีสัญชาติไทยและไม่ได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ถึง 180 วันในปีภาษี |
2. |
ไม่เป็นนักบินหรือลูกเรือของสายการบินที่เดินทางออกจากประเทศไทย |
3. |
เดินทางออกจากประเทศไทยโดยเครื่องบิน ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ |
ขั้นตอนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
|
ฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ให้บริการตรวจรับรองสินค้าที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ณ ห้องผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ก่อนที่ผู้โดยสารจะนำของ CHECK IN ที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน การตรวจสอบจะปฏิบัติ ดังนี้
|
|
|
เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบหนังสือเดินทางและรายการสินค้าที่ระบุในใบคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.10) ของผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรพร้อมใบกำกับภาษีที่นำมาแสดง
|
|
(ก.) |
กรณีตรวจพบรายการสินค้าครบถ้วน ถูกต้อง จะรับรองสินค้าครบจำนวนในช่องสำหรับศุลกากรในใบคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมทั้งลงลายมือชื่อและประทับตราศุลกากรไว้เป็นหลักฐาน |
|
(ข.) |
กรณีตรวจพบรายการสินค้าไม่ครบจำนวน จะขีดฆ่ารายการสินค้าที่ไม่พบในใบคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มออกพร้อมลงลายมือชื่อกำกับและให้ระบุหมายเลขรายการที่ไม่พบไว้ในช่องสำหรับศุลกากร รวมทั้งลายมือ ชื่อและประทับตราศุลกากร |
|
|
ไว้เป็นหลักฐาน |
|
(ค.) |
ส่งมอบหีบห่อสัมภาระหรือกระเป๋าเดินทางที่บรรจุสินค้านั้นให้ ผู้เดินทางพร้อมใบคำร้อง(ภ.พ.10) เพื่อเป็นหลักฐานในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกับเจ้าหน้าที่สรรพากรที่ประจำ ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่บริเวณห้องพักผู้โดยสารขาออก |
|
|
ระหว่างประเทศต่อไป |
|
|
กรณีสินค้าเล็กราคาแพงประเภทอัญมณี ที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณ ทองรูปพรรณ นาฬิกา แว่นตา หรือปากกา เจ้าหน้าที่ศุลกากรทำหน้าที่ตรวจรับรองสินค้าที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ณ จุดตรวจเคาน์เตอร์ศุลกากร บริเวณห้องพักผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ หลังผ่านการตรวจประทับตราเจ้าหน้าที่ศุลกากรแล้วนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรเพื่อตรวจสินค้าอีกครั้งหนึ่ง ณ เคาน์เตอร์สรรพากร บริเวณห้องผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศท่าอากาศยานเชียงใหม่
|
การรับบรรทุกของที่ผ่านพิธีการในการขนสินค้าออกจากฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 และ 2
|
1. |
ของที่ผู้โดยสารขาออกนำติดตัวขึ้นเครื่อง ผู้โดยสารขาออกผ่านพิธีการใบขนสินค้าขาออกจากฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 และ 2 ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ แล้วต้องการนำของส่งออกไปพร้อมกับตน ต้องนำของและใบส่งสินค้าออกที่ผ่าน |
|
พิธีการตรวจปล่อยแล้วจากฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำฝ่ายศุลกากรที่ 1 หรือ 2 ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ฯ จะตรวจนับจำนวน เครื่องหมาย |
|
เลขหมายสภาพหีบห่อ และจัดเจ้าพนักงานศุลกากรคุมส่งสายพานลำเลียงกระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสารที่เดินทางไปต่างประเทศ และทำการบันทึกข้อมูลการรับบรรจุของในใบขนสินค้าออก |
|
|
|
กรณีของตามใบสินค้าขาออกเป็นของหีบห่อหรือเป็นของมูลค่าสูงไม่สามารถจะ LOAD ไปทางสายพานลำเลียงได้ ผู้โดยสารจะนำติดตัวถือไปพร้อมกับตนไว้สำหรับการเดินทางโดยสายการบินที่เดินทางจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ ออกนอก |
|
ราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านท่าในประเทศอีกเท่านั้น |
|
|
2. |
ของที่ส่งออกทางไปรษณีย์ผู้ส่งออกผ่านพิธีการใบขนสินค้าขาออกจากฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 หรือ 2 แล้วต้องการนำของส่งออกทางไปรษณีย์ ต้องนำของและใบขนส่งสินค้าขาออกที่ผ่านพิธีการตรวจปล่อยแล้ว มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร
|
|
ประจำฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ฯ จะตรวจนับจำนวน เครื่องหมาย สภาพหีบห่อ และจัดเจ้าพนักงานศุลกากรคุมส่งที่ทำการไปรษณีย์ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และทำการบันทึกข้อมูล
|
|
การรับบรรทุกของในใบขนสินค้าขาออก |
|
|