พิธีการนำเข้าของเอกสิทธิ์หรือของที่ได้รับบริจาค
พิธีการนำเข้าของเอกสิทธิ์หรือของที่ได้รับบริจาค
ของที่ได้รับเอกสิทธิ์ หมายถึง ของที่ได้รับเอกสิทธิ์ตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์การสหประชาชาติ หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือตามสัญญากับนานาประเทศ หรือทางการทูต ซึ่งได้ปฏิบัติต่อกันโดยอัธยาศัยไมตรีซึ่งการนำเข้าของเหล่านี้จะได้รับการ ยกเว้นอากร
ของที่ได้รับบริจาค หมายถึง
• ของที่นำเข้ามาหรือส่ง ออกไปเพื่อแจกให้เปล่าเป็นการสาธารณกุศลแก่ประชาชน โดยผ่านส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือองค์การ สาธารณกุศล
• ของที่นำเข้ามาเพื่อบริจาคเป็นสาธารณประโยชน์แก่ส่วนราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือองค์การสาธารณกุศล
หลักเกณฑ์การยกเว้นอากรของที่ได้รับเอกสิทธิ์ที่นำเข้ามาตามข้อ ผูกพันที่ประเทศไทยมีต่อนานาประเทศ มีดังนี้
(1) ตามข้อผูกพันกับองค์การสหประชาชาติและทางการทูต การนำของเข้าของหน่วยงานสังกัดองค์การสหประชาชาติและสถานทูตชาติต่าง ๆ จะอยู่ในความควบคุมดูแลของกระทรวงต่างประเทศ กรมพิธีการทูต ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาทั้งชนิดของของและปริมาณนำเข้าที่จะได้รับยกเว้นอากร ตลอดจนควบคุมดูแลการนำของเข้าโดยได้รับยกเว้นอากรของเจ้าพนักงานของหน่วยงาน ที่สังกัดองค์การสหประชาชาติและข้าราชการสถานทูต ซึ่งจะได้รับสิทธิยกเว้นอากรในการนำเข้าของใช้ส่วนตัว ของใช้ในบ้านเรือน และรถยนต์คนละหนึ่งคัน
(2) ตามสัญญาข้อตกลงความช่วยเหลือที่นานาประเทศให้แก่ประเทศไทย สัญญาดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลไทยยกเว้นอากรแก่ของที่นำเข้ามาใช้ในโครงการ ความช่วยเหลือตลอดจนให้ยกเว้นอากรแก่ของใช้ส่วนตัว ของใช้ในบ้านเรือนของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยตาม โครงการความช่วยเหลือ และรถยนต์ของผู้เชี่ยวชาญคนละ 1 คัน ทั้งนี้ ของเหล่านั้นจะต้องนำเข้ามาก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาไม่เกิน 1 เดือน หรือไม่เกิน 6 เดือนนับแต่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาถึงประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยสัญญาข้อตกลงความช่วยเหลือที่นานาประเทศให้แก่ประเทศไทยมีดังต่อไปนี้
(2.1) สัญญาข้อตกลงความช่วยเหลือที่ผ่านกรมวิเทศสหการ ไม่ว่าโครงการความช่วยเหลือนั้นจะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบและดำเนินการ ของกรมใดก็ตาม กรมวิเทศสหการจะควบคุมและดูแล การนำของเข้าและปฏิบัติพิธีการศุลกากร
(2.2) สัญญาข้อตกลงที่ไม่ผ่านกรมวิเทศสหการ เป็นสัญญาความตกลงที่หน่วยราชการอื่น ๆ ทำกับนานาประเทศ โดยในสัญญากำหนดให้ยกเว้นอากรดังเช่นที่กล่าวในข้อ (2) และสัญญาความตกลงนั้นจะต้องผ่านคณะรัฐมนตรีเห็นชอบด้วย การพิจารณายกเว้นอากรของที่นำเข้าตามสัญญาความตกลงนี้ กรมศุลกากรจะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ
(2.3) ข้อตกลงที่ประเทศไทยมีต่อยูเนสโกตามความตกลงฟลอเรนส์ ซึ่งเป็นการตกลงให้ยกเว้นอากรในการนำเข้าวัสดุเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และ วัฒนธรรมที่นำเข้าโดยสถาบันการศึกษาและส่วนราชการ การนำของเข้าตามความตกลงฟลอเรนส์จะผ่านการพิจารณาของ คณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าวัสดุการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าร่วมเป็นกรรมการ โดยใช้ความตกลงการนำเข้าฟลอเรนส์และกฎหมายศุลกากรเป็นหลักใหญ่ในการพิจารณา เมื่อผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรฯเป็นประการใด คณะกรรมการฯ จะแจ้งมติผลการพิจารณานั้น ๆ มาให้กรมศุลกากรและหน่วยงานผู้ขอยกเว้นอากรขาเข้าทราบและดำเนินการในส่วนที่ เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่ในขอบข่ายของความตกลงฟลอเรนส์ ซึ่งหน่วยงานและส่วนราชการพึงจะขอยกเว้นอากรนำเข้าได้นั้น ได้แก่ สิ่งของตามภาคผนวกของความตกลงการนำเข้าฟลอเรนส์ ดังต่อไปนี้
ภาคผนวก ก. หนังสือ สิ่งพิมพ์ และเอกสาร
ภาคผนวก ข. ศิลปวัตถุ และสิ่งที่นักสะสมรวบรวมไว้ ซึ่งเกี่ยวกับการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม
ภาค ผนวก ค. โสตทัศนวัสดุทางการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม
ภาคผนวก ง. เครื่องมือเครื่องใช้วิทยาศาสตร์
ภาคผนวก จ. สิ่งของสำหรับคนตาบอด
(3) ตามพระราชบัญญัติต่าง ๆ ที่บัญญัติให้ยกเว้นอากรนำเข้าแก่ของที่นำเข้ามาใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ พ.ศ. 2514 ซึ่งบัญญัติตามความในมาตรา 5 ให้ยกเว้นอากรขาเข้าและภาษีการค้าสำหรับเรือ ยานยนต์ วัสดุ และอุปกรณ์ที่ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้เฉพาะเมื่อศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับความ เห็นชอบในการเข้ามาในราชอาณาจักรจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้วเป็นต้น
หลักเกณฑ์การยกเว้นอากรของที่ได้บริจาค
(1) ผู้นำเข้าที่มีสิทธิได้รับยกเว้นอากร คือ
(1.1) ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่ระดับกรมขึ้น ไป
(1.2) องค์การสาธารณกุศลตามประกาศกระทรวงการคลัง
(2) ของนำเข้ามาหรือส่งออกไปเพื่อแจกให้เปล่าเป็นการสาธารณกุศลแก่ประชาชน โดยผ่านส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือองค์การ สาธารณกุศล ที่อยู่ในข่ายได้รับยกเว้นอากร ได้แก่
(2.1) ของที่สถาบันหรือมูลนิธิในต่างประเทศส่งเข้ามา โดยผ่านส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศลในประเทศ เพื่อแจกให้เปล่าเป็นสาธารณกุศลแก่ประชาชนต้องเป็นของที่จำเป็นต้องใช้ในการ ดำรงชีพตามปกติวิสัย เช่น อาหาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว เป็นต้น
(2.2) มีผู้บริจาคเงินให้แก่ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศลภายในประเทศ เพื่อซื้อของเข้ามาแจกให้เปล่าเป็นสาธารณกุศลแก่ประชาชน ทั้งนี้โดยถือว่ามีผู้บริจาคให้แก่ส่วนราชการและองค์การสาธารณกุศล เพื่อนำไปแจกแก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม ของที่ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศลนั้นเองเป็นผู้จ่ายเงินซื้อมา เพื่อแจกให้เปล่าเป็นสาธารณกุศลแก่ประชาชน จะไม่ไดัรับการยกเว้นอากร เพราะกรณีนี้ถือว่าไม่มีการบริจาค
(3) ของที่นำเข้ามาเพื่อบริจาคเป็นสาธารณประโยชน์แก่ส่วนราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือองค์การสาธารณกุศล ที่จะเข้าข่ายได้รับยกเว้นอากร ได้แก่
(3.1) ของซึ่งนำเข้ามาโดยตรงเพื่อบริจาคให้แก่ส่วนราชการหรือองค์การสาธาณกุศล
(3.2) บริจาคให้เป็นเงินโดยระบุว่า เพื่อซื้อของอย่างใดอย่างหนึ่งที่แน่นอนเข้ามาในประเทศและมีหลักฐานมอบให้ ส่วนราชการ หรือองค์การสาธารณกุศลนั้นเป็นผู้นำเข้าเอง แต่ทั้งนี้ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่กรมศุลกากรกำหนด และให้รวมถึงการสั่งซื้อเครื่องมือในทางการแพทย์และวัสดุอุปกรณ์ในการก่อ สร้างประเภทที่ไม่มีการผลิตภายในประเทศด้วย
สำหรับ ของที่ไม่อยู่ในข่ายได้รับยกเว้นอากร ได้แก่ ยานพาหนะประเภทต่าง ๆ ยกเว้น รถแทรกเตอร์ รถยนต์โดยสารสาธาณะที่ออกแบบสำหรับขนส่งผู้โดยสารตั้งแต่สิบคนขึ้นไปรวมทั้ง คนขับ (รถตู้) รถบรรทุกคนไข้ที่ใช้สำหรับส่วนราชการ โรงพยาบาลหรือองค์การสาธารณกุศล ซึ่งพิสูจน์ให้เป็นที่พอใจของอธิบดีกรมศุลกากรและจำนวนพอสมควรแก่กิจการนั้น ๆ รถดั๊มพ์ หรือรถดับเพลิง เป็นต้น
เอกสารที่ควรจัดเตรียมในการนำเข้าของเอกสิทธิ์หรือของที่ได้รับ บริจาค
(1) เอกสารทั่วไปที่ใช้ในการผ่านพิธีการ
• ใบขน สินค้าขาเข้า
• บัญชีราคาสินค้า
• ใบตราส่งสินค้า
• ใบสั่งปล่อย
(2) เอกสารที่ใช้เพิ่มเติมกรณีขอยกเว้นอากรของเอกสิทธิ์
• หนังสือ ขอยกเว้นอากรของกระทรวงการต่างประเทศพร้อมแบบฟอร์ม D.P.I. (ENTRY FORM FOR DIPLOMATIC CLEARANCE OF GOODS IMPORTED BY DIPLOMATIC MISSIONS INTERNATIONAL ORGANIZTIONS) ที่ออกให้โดยกระทรวงการต่างประเทศ (กรณีของที่ได้รับเอกสิทธิ์ทางการทูต และข้อผูกพันกับองค์การสหประชาชาติ)
• สัญญา ความตกลงช่วยเหลือระหว่างประเทศไทยกับประเทศอื่น ๆ ฉบับสมบูรณ์ (กรณีของที่นำเข้าตามโครงการความช่วยเหลือที่ไม่ผ่านกรมวิเทศสหการ)
• หนังสือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับรองว่าสัญญาความตกลงช่วยหลือ (กรณีของที่นำเข้าตามโครงการความช่วยเหลือที่ไม่ผ่านกรมวิเทศสหการ)
• ผล การพิจารณาให้ยกเว้นอากร (กรณีของที่นำเข้าตามโครงการความช่วยเหลือที่ไม่ผ่านกรมวิเทศสหการ)
(3) เอกสารที่ใช้เพิ่มเติมกรณีขอยกเว้นอากรของบริจาค
• หนังสือ ขอยกเว้นอากรของส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่ระดับกรมขึ้นไปหรือองค์การสาธารณกุศลผู้ได้รับบริจาค โดยหนังสือขอยกเว้นอากรจะต้องแจ้งชนิดของ จำนวนของที่ได้รับบริจาคและชื่อผู้บริจาค รวมถึงให้ระบุหนังสือขอยกเว้นอากรด้วยว่า การบริจาคมีเงื่อนไขหรือข้อผูกพันหรือไม่อย่างไร
• เอกสารที่ต้องแนบไป พร้อมกับหนังสือขอยกเว้นอากร ได้แก่
(ก) เอกสารแสดงความจำนงบริจาคของผู้บริจาคเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งผู้บริจาคได้ แสดงความจำนงไว้ก่อนวันที่นำของเข้ามาในราชอาณาจักร
(ข) กรณีรับบริจาคเป็นเงินเพื่อจะซื้อของอย่างใดอย่างหนึ่งตามวัตถุประสงค์ของ ผู้บริจาค ให้ส่งหลักฐานการรับเงินบริจาค เช่น สำเนาใบเสร็จรับเงิน
(ค) เอกสารแสดงรายการของและราคาของที่บริจาค เช่น บัญชีราคาสินค้าและใบเสนอราคา สัญญาซื้อขายในกรณีซื้อขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศ
โดยเอกสารเหล่า นี้ต้องมีผู้ลงนามรับรองพร้อมทั้งระบุชื่อ นามสกุล และตำแหน่งของผู้ลงนามรับรองทุกหน้า พร้อมทั้งระบุชื่อเอกสาร หมายเลขเอกสารและจำนวนฉบับ ไว้ในหนังสือขอยกเว้นอากรด้วย
(4) เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น หนังสือมอบอำนาจ
ขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับการนำเข้าของเอกสิทธิ์หรือของที่ ได้รับบริจาค
(1) ผู้นำเข้ายื่นใบขนสินค้าขาเข้าที่กรอกข้อความเรียบร้อยแล้วที่ฝ่ายเอกสิทธิ์ และส่งเสริมการลงทุน ส่วนการนำเข้าสำนักงานศุลกากรนำเข้าท่าเรือกรุงเทพ หรือ สำนักงาน/ด่านศุลกากรที่นำของเข้าพร้อมเอกสารประกอบ
(2) กรมศุลกากรทำการตรวจสอบเอกสารเสนอขอยกเว้นอากร ตรวจสอบการคำนวณราคาของ หากถูกต้องจะออกเลขที่ยกเว้นอากรและสั่งการตรวจ หลังจากนั้นจะมอบเอกสารทั้งหมดคืนให้ผู้นำเข้า
(3) ผู้นำเข้านำเอกสารไปแสดงที่ส่วนตรวจสินค้าเพื่อขอรับของออกจากอารักขา ศุลกากร
(4) สำหรับของที่นำเข้าตามความตกลงฟลอเรนส์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ พิจารณายกเว้นอากรนำเข้าวัสดุเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมผู้นำเข้าต้องยื่นเรื่องขอยกเว้นอากรก่อนที่จะนำของ เข้ามาในประเทศที่สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยา ศาสตร์แห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อได้รับอนุมัติให้ยกเว้นอากรแล้วกรมศุลกากรจะส่งหนังสือขอยกเว้นอากรของ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์แห่งสหประชาชาติ ไปยังหน่วยงานพิธีการและประเมินอากรของด่านศุลกากรที่นำของเข้า เพื่อปฏิบัติพิธีการยกเว้นอากรศุลกากรให้แก่ผู้นำของเข้าต่อไป
(5) สำหรับของบริจาค หากองค์การสาธารณกุศลเป็นผู้ได้รับบริจาคและได้รับบริจาคเป็นเงินเพื่อซื้อ ของอย่างใดอย่างหนึ่งตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ถ้าเป็นของที่มีมูลค่าเกินกว่าห้าหมื่นบาทขึ้นไป ให้องค์การสาธารณะกุศลนั้นยื่นคำขอยกเว้นอากรก่อนที่จะดำเนินการสั่งซื้อ สิ่งของจากต่างประเทศ พร้อมทั้งระบุวันเดือนปีที่คาดว่าของจะมาถึงด้วย
หมายเหตุ : การยกเว้นอากรของที่นำเข้าที่ได้รับเอกสิทธิ์นี้ เป็นการยกเว้นให้แก่ผู้มีเอกสิทธิ์เป็นการเฉพาะตัวบุคคลหรือเฉพาะองค์กรเท่า นั้น หากผู้ที่มีสิทธิได้รับการยกเว้นอากรโอนของที่ได้รับการยกเว้นอากรไปให้กับ ผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือนำไปใช้ในโครงการอื่นที่ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากร ของนั้นจะสิ้นสิทธิในการยกเว้นอากรทันที ยกเว้นรายการดังต่อไปนี้
(1) เสบียง ยารักษาโรค ของใช้สิ้นเปลือง และของใช้ส่วนตัว ซึ่งบุคคลที่มีสิทธิได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรนำเข้ามาเพื่อใช้เอง บรรดาที่มีเหลืออยู่ในวันที่สิทธิได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรสิ้นสุด
(2) ของใช้ในบ้านเรือนที่นำเข้ามาเกินสองปีซึ่งบุคคลที่มีสิทธิได้รับยกเว้นหรือ ลดหย่อนอากรนำเข้ามาเพื่อใช้เอง
(3) ของที่พิสูจน์ให้เป็นที่พอใจอธิบดีกรมศุกลกากรว่าชำรุดหรือเสียหายจนไม่อาจ จะซ่อมเพื่อใช้การต่อไปอีกได้
(4) ของอื่น ๆ ที่ผู้มีสิทธิได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรได้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเกินห้า ปี
การยกเว้นนี้ ไม่รวมถึงรถยนต์และยานพาหนะอย่างอื่นที่ใช้เครื่องยนต์ เว้นแต่กรณีต่อไปนี้
รถ ยนต์ที่ได้รับเอกสิทธิ์ทางการทูต องค์การระหว่างประเทศหรือเอกสิทธิ์ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ จะได้รับยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้
(1) รถยนต์ซึ่งบุคคลที่มีเอกสิทธิ์ทางการทูตองค์การระหว่างประเทศหรือเอกสิทธิ์ ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ นำเข้ามาหรือสั่งเข้ามาก่อน 5 เมษายน 2528 นับแต่วันนำเข้าเกินกว่า 5 ปี
(2) รถยนต์บางประเภทที่มีลักษณะตามที่กรมศุลกากรกำหนดไว้ (ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.5/2532 และศก.13/2533) ที่นำเข้ามาใช้ภายใต้โครงการความช่วยเหลือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่าง ประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ และภายหลังสิ้นสุดโครงการได้โอนไปให้กับส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ บริหารราชการแผ่นดิน
|